ห้องปฏิบัติการวิจัยเภสัชรังสี
วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนากระบวนการเตรียมเภสัชรังสีที่มีการใช้งานระดับคลินิกและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ให้สามารถใช้งานใน ประเทศไทยได้โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่า เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าและเพิ่มทางเลือกให้กับแพทย์และคนไข้
- เพื่อคิดค้นและพัฒนาเภสัชรังสีชนิดใหม่สำหรับการวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ
หลักการ
เภสัชรังสี (radiopharmaceuticals) คือ ยาที่มีองค์ประกอบของสารกัมมันตรังสีซึ่งปลดปล่อยให้รังสีออกมาเพื่อการบำบัดรักษาหรือวินิจฉัยโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งและเนื้องอก ข้ออักเสบ หัวใจวาย อัลไซเมอร์ เป็นต้น ปัจจุบันสารเภสัชรังสี มักใช้สำหรับการวินิจฉัยและรักษาแบบมุ่งเป้า โดยถูกพัฒนาให้มีความจำเพาะต่อรอยโรคสูง กล่าวคือ สารเภสัชรังสีจะเลือกจับเฉพาะเซลล์ที่เกิดโรคแต่ไม่จับหรือทำลายเซลล์ดี ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดฉลากสารกัมมันตรังสีกับสารเคมีหรือสารชีวโมเลกุลที่ เฉพาะเจาะจงกับเซลล์ที่เกิดโรค เป็นตัวนำพารังสีไปสู่เป้าหมายแล้วปลดปล่อยรังสีแอลฟา (α) หรือรังสีบีต้า (ß–) เพื่อทำลายเซลล์ และรังสีแกมมา (γ) หรือโพสิตรอน (ß+) สำหรับชี้ตำแหน่งรอยโรค
งานวิจัยที่ดำเนินการ (บางส่วน)- การพัฒนาสารติดฉลาก 188Re-hynic-lanreotide เพื่อใช้งานบำบัดรักษาโรคมะเร็ง
- ประสิทธิภาพของแรร์เอิร์ทเรซินในการเพิ่มความบริสุทธิ์ของอิตเทรียม-90 ที่ได้จากการสกัด
- การศึกษาประสิทธิภาพการเกาะจับของสารเภสัชรังสีของอิตเทรียมต่อมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- การเตรียมเภสัชรังสีอิตเทรียม-90 บอมบิซินเปปไทด์ สำหรับการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า
- การเชื่อมต่ออนุภาคนาโนกับเภสัชรังสี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนำส่งเภสัชรังสี
- การเตรียมเภสัชรังสีแกลเลียม-68 บอมบิซิน เปปไทด์ สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยเพทสแกน
การทดลอง
In vitro
- Radiolabeling
- Stability test
- Distribution coefficient study
- Internalization assay
- Saturation study
- IC50 determination
In vivo
- Biodistribution study
- Radiation accumulation
- Animal imaging
*หมายเหตุ ทำการทดลอง In vivo ในสถานที่สำหรับสัตว์ทดลองที่ถูกต้องตาม พรบ. สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2558
เครื่องมือที่ใช้วิจัย
- 68Ge/68Ga generator
- Radio-reverse-phase high performance liquid chromatography (Radio-RP HPLC)
- Gamma counter
- TLC scanner
สถานที่
อาคาร 10 สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) อ.องครักษ์
เอกสารอ้างอิง
[1] Kaeopookum P, Summer D, Pfister J, Orasch T, Lechner BE, Petrik M, et al. Modifying the siderophore triacetylfusarinine C for molecular imaging of fungal infection. Mol Imaging Biol 2019. https://doi.org/10.1007/s11307-019-01325-6.ผู้จัดทำ: พิริญา แก้วพุกัม
update: 28 May 2020